อานิสงส์การบริจาคเลือด
ปัจจุบันมักมีการพูดถึงกันอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับการให้ การบริจาค ไม่ว่าจะเป็นการให้วัตถุหรือให้ธรรมเป็นทาน หรือให้อภัยเป็นทาน ก็ตาม แต่มีทานที่สำคัญยิ่งอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมักไม่มีใครนำมาพูดถึงกันเลย นั่นก็คือ การให้ชีวิตเป็นทาน
การ ให้ชีวิตเป็นทาน คนทั่วไปมักเข้าใจกันว่า ต้องสละชีวิตของตัวเอง และต้องตายเพื่อให้คนอื่นมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะถือว่าเป็นทานข้อนี้ได้
แต่ในยุคปัจจุบัน คงจะหาคนที่มีความเสียสละมากมายถึงเพียงนั้นได้ยาก บางทีแม้ว่าจะต้องเสียสละเพื่อท่านผู้มีอุปการคุณ มีบุญคุณ เช่น พ่อ แม่ ที่กำลังป่วยหนักต้องการคนคอยปรนนิบัติดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะลูกๆ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง ก็มักจะมีการเกี่ยงกันทำ มักอ้างความจำเป็นต่างๆ มากมาย มากีดกันตัวเองออกจากหน้าที่ที่ควรทำ
ถ้าเป็นไปได้ก็มัก จะไม่ทำหน้าที่นี้ด้วยตัวเอง แต่จะใช้วิธีจ้างคนอื่น จ้างพยาบาล ซึ่งทุกวันนี้จะมีหน่วยงานที่มีพนักงานสำหรับรับทำหน้าที่บริการด้านพยาบาล หรือดูแลคนป่วยคนชรา คอยสนองบรรดาลูกๆ ที่ต่างคนก็ต่างพยายามหลีกเลี่ยงหน้าที่สำคัญที่สุด ซึ่งลูกๆ ที่ดีจะพึงปฏิบัติพึงกระทำกัน
ลูกบางคนพอเห็นว่าได้จ้างพยาบาล หรือคนดูแลพ่อแม่ไว้แล้ว ก็คิดว่าตัวเองหมดหน้าที่แล้ว ไม่เคยสอดส่องดูแลให้ความสนใจ ที่จะมาคอยดูว่า พ่อแม่ต้องการอะไรบ้างด้วยตัวเองเลย นานๆ จะมาให้พ่อแม่เห็นหน้าสักครั้ง บางทีหายไปเป็นเดือน หลายเดือน ความจริงท่านเหล่านั้นคงไม่ต้องการสิ่งใดอื่น นอกจากได้เห็นหน้าลูกๆ บ้าง เห็นลูกๆ ประสบความสำเร็จ มีความสุขกัน พ่อแม่ก็แทบจะหายเจ็บหายป่วยแล้ว สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดหดหู่ที่สุดในสังคมปัจจุบัน
การ ให้ชีวิตเป็นทาน ก็มีทางให้เลือกหลายทาง โดยไม่จำเป็นที่ตัวเองจะต้องตายเพื่อผู้อื่นเสมอไป การบริจาคโลหิต คือ การให้ชีวิตเป็นทานอย่างหนึ่ง จะเห็นว่าบางทีคนที่กำลังป่วย อาการทรุดหนัก ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือโรคร้ายใดๆ ก็ตาม ที่ทำให้เลือดในร่างกายเสียไป หรือทำให้เสียเลือดมาก ถ้าเขามีโอกาสที่จะได้รับโลหิตแม้เพียงหยดเดียว อาจช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เพื่อทำความดีทำบุญสร้างกุศล ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมอีกต่อไปได้
โลหิต เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตของมนุษย์และสัตว์โลกทั่วๆ ไป เพราะเป็นสิ่งที่มีส่วนในการช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยให้อยู่รอดปลอดภัย นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างก็ได้พยายามค้นคว้าวิจัยมาเป็นเวลานาน แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จในการหาสารประกอบอื่นๆ ที่จะนำมาใช้ทดแทนโลหิตในร่างกายได้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดให้มีการบริจาคโลหิต เพื่อให้เกิดการถ่ายเท หรือให้โลหิตจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งได้
การ บริจาคโลหิตคือ การสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายไม่จำเป็นต้องใช้ เพื่อให้กับผู้ป่วยที่มีความต้องการ เป็นสิ่งที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเลย
ผู้บริจาคโลหิต สามารถบริจาคได้ในทุกๆ ๓ เดือน เพราะเมื่อบริจาคออกไปแล้ว ภายในระยะเวลาที่กำหนด ไขกระดูกจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดโลหิต ขึ้นมาทดแทนส่วนที่ขาดหายไป ให้โลหิตในร่างกายมีปริมาณเท่าเดิม ถ้าไม่ได้บริจาคหรือถ่ายเทออกไป ร่างกายก็จะขับเม็ดโลหิตที่สลายตัว ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้วเพราะหมดอายุ ออกมาในรูปของปัสสาวะ อุจจาระ หรือเหงื่อ อยู่เป็นประจำทุกวัน
เมื่อโลหิตมีความสำคัญ ยิ่งสำหรับชีวิตคนและสัตว์ เมื่อขาดโลหิตทุกชีวิตต้องตาย ให้ความหมายคล้ายต้นไม้ขาดน้ำ มีแต่จะช้ำเหี่ยวเฉาและแห้งตายไปในที่สุด
ผู้ ป่วยที่มีอาการทรุดหนัก สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้เมื่อได้รับโลหิตทันต่อเวลา จากชีวิตสู่ชีวิต มอบโลหิตช่วยผู้ป่วย ให้เลือดให้ชีวิต บริจาคโลหิตเสริมชีวิตให้เป็นบุญ
การ บริจาคโลหิตจึงถือว่าได้เสียสละสิ่งที่มีค่าที่สุดในร่างกาย ในชีวิตของคนเรา นอกจากจะทำให้เกิดความภาคภูมิใจ ที่ได้เสียสละโลหิตในร่างกายของตัวเอง ช่วยต่ออายุให้ชีวิตแก่คนป่วยที่กำลังจะตาย เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลแก่ผู้อื่นที่ได้รับโลหิตจากผู้บริจาคไปแล้ว สิ่งที่จะเกิดตามมาคือ ผู้บริจาคได้ทราบหมู่โลหิต และได้ตรวจคุณภาพโลหิตของตัวเอง ได้รับการตรวจสุขภาพในทุกๆ ๓ เดือน
กรณี ผู้บริจาคโลหิตตามกำหนด นอกจากจะได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ไวรัสตับอักเสบ ซี เชื้อไวรัสเอดส์ และเชื้อซิฟิลิส (กามโรค) แล้ว ยังเป็นการช่วยสร้างเสริมเพิ่มพูนทานบารมีที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งยากที่ใครจะทำให้เกิดให้มีขึ้นได้ ย่อมได้รับอานิสงส์ส่งผลตามมาภายหลัง ดังคำที่ว่า ผู้ให้ย่อมได้รับการให้ตอบ ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ เช่นเดียวกับการให้ทานที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ
การให้ทานโดยทั่วไปมี ๑๘ ประการ ดังที่ปรากฏในคัมภีร์อรรถกถามโนรถปูรณี สีหนาทสูตร อังคุตตรนิกาย ๓/๒๓๕-๒๓๖ ดังนี้ คือ
๑.ทำให้ชีวิตมีความสุข
๒.เป็นรากฐานของสมบัติ
๓.เป็นบ่อเกิดแห่งโภคทรัพย์
๔.ช่วยต้านภัยให้ชีวิตได้
๕.ช่วยคุ้มครองป้องกันอันตราย
๖.ช่วยปูทางไปสู่สุคติ
๗.เป็นที่อาศัยได้
๘.เป็นที่พึ่งพิงได้
๙.ช่วยเสริมพลังใจให้เข้มแข็งได้
๑๐.เป็นทางเดินของบัณฑิต
๑๑.ได้เป็นเชื้อสายของพระพุทธเจ้า
๑๒.ทำให้ได้สมบัติในสวรรค์
๑๓.ทำให้ได้สมบัติพญามาร
๑๔.ทำให้ได้สมบัติพระพรหม
๑๕.ทำให้ได้สมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ
๑๖.ทำให้ได้สาวกบารมีญาณ
๑๗.ทำให้สำเร็จปัจเจกโพธิญาณ
๑๘.ทำให้สำเร็จอภิสัมโพธิญาณ
การ บริจาคโลหิต เป็นปรมัตถทานบารมีสูงสุดที่มนุษย์สามัญทั่วๆ ไปพึงทำได้ เพราะเป็นการให้ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตตนเพื่อนำไปช่วยต่อชีวิตให้ผู้ อื่น ผู้ให้ย่อมเกิดความปีติ ความสุขทางใจ จากผลบุญของการให้ไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน
ขณะนี้โลหิตที่ได้รับ การบริจาคยังขาดแคลน ไม่เพียงพอ ท่านผู้บริจาคโลหิตจึงนับว่าเป็นส่วนสำคัญในการบริจาคโลหิต เพื่อสำรองไว้ใช้กับเพื่อนมนุษย์ผู้เจ็บป่วยที่ยัง รอรับการต่ออายุจากแรงศรัทธาของทุกท่าน
สนใจติดต่อขอบริจาคโลหิต หรือขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
ถนนอังรีดูนังต์ โทร.๐-๒๒๕๑-๓๑๑ ต่อ ๑๑๓, ๑๖๑, ๑๖๒
หรือ กองบริการโลหิต รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นสาขาบริการโลหิตของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทร. ๐-๒๕๓๑-๑๙๗๐-๙๙ ต่อ ๒๗๖๕๑ ในวันเวลาราชการ รวมทั้งติดต่อขอบริจาคได้ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. ซึ่งจะเปิดรับบริจาคเป็นครั้งที่ ๑๐๘ ในวันศุกร์-อาทิตย์ที่ ๓-๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐-๑๕.๐๐ น.
ที่มา : http://www.komchadluek.net/